การแสดงนาฏศิลป์ไทย
4 ภาค
ภาคใต้
โนรา
เป็นนาฏศิลป์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ในบรรดาศิลปะการแสดงของภาคใต้
มีความยั่งยืนมานับเป็นเวลาหลายร้อยปี
การแสดงโนราเน้นท่ารำเป็นสำคัญ
ต่อมาได้นำเรื่องราวจากวรรณคดีหรือนิทานท้องถิ่นมาใช้ในการแสดงเรื่อง
พระสุธนมโนห์รา
เป็นเรื่องที่มีอิทธิพลต่อการแสดงมากที่สุดจนเป็นเหตุให้เรียกการแสดงนี้ว่า มโนห์รา
ตามตำนานของชาวใต้เกี่ยวกับกำเนิดของโนรา
มีความเป็นมาหลายตำนาน เช่น
ตำนานโนรา จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสงขลา และจังหวัดพัทลุง
มีความแตกต่างกันทั้งชื่อที่ปรากฏในเรื่องและเนื้อเรื่องบางตอน
ทั้งนี้อาจสืบเนื่องมาจาก ความคิด ความเชื่อ ตลอดจนวิธีสืบทอดที่
ได้มาจากความประทับใจที่มีต่อธรรมชาติ
เช่น
ท่าลีลาของสัตว์บางชนิดมี
ท่ามัจฉา ท่ากวางเดินดง ท่านกแขกเต้าเข้ารัง ท่าหงส์บิน
ท่ายูงฟ้อนหาง ฯลฯ
ท่าเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
เช่น ท่าพระจันทร์ทรงกลด
ท่ากระต่ายชมจันทร์
ต่อมาเมื่อได้รับวัฒนธรรมจากอินเดียเข้ามาก็มี ท่าพระลักษมณ์แผลงศร พระรามน้าวศิลป์ และท่าพระพุทธเจ้าห้ามมาร ท่ารำและศิลปะการรำต่างๆ ของโนรา
ท่านผู้รู้หลายท่านเชื่อว่าเป็นต้นแบบของละครชาตรีและการรำแม่บทของรำไทยด้วย
ลิเกป่า
เป็นการแสดงพื้นบ้านทางภาคใต้
เดิมเรียกว่า ลิเก หรือ ยี่เก
เมื่อลิเกของภาคกลางได้รับการเผยแพร่สู่ภาคใต้จึงเติมคำว่า ป่า
เพื่อแยกให้ชัดเจน
เมื่อประมาณ ๓๐
ปีที่ผ่านมาลิเกป่าได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แถบพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะจังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา
ส่วนทางฝั่งทะเลตะวันออก
ที่เป็นแหล่งความเจริญก็มีลิเกป่าอยู่แพร่หลาย เช่น อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
อำเภอสะทิงพระ จังหวัดสงขลา และอำเภอเมือง
จังหวัดสงขลา
ปัจจุบันได้เสื่อมความนิยมลงจนถึงขนาดหาชมได้ยาก
ลิเกป่า มีชื่อเรียกต่างออกไป คือ
- แขกแดง
เรียกตามขนบการแสดงตอนหนึ่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของลิเก คือ การออกแขก“แขกแดง” ตามความเข้าใจของชาวภาคใต้หมายถึงแขกอินเดีย หรือแขกอาหรับ
บางคนเรียกแขกแดงว่า “เทศ” และ
เรียกการออกแขกแดงว่า “ออกเทศ”
- ลิเกรำมะนา
เรียกตามชื่อดนตรีหลักที่ใช้ประกอบการแสดงคือ รำมะนา
ซึ่งชื่อนี้อาจได้รับอิทธิพลมาจากแสดงชนิดหนึ่งของมาลายูที่ใช้กลอง “ราบานา” เป็นหลักอีกต่อหนึ่งก็ได้
- ลิเกบก
อาจเรียกชื่อตามกลุ่มชนผู้เริ่มวัฒนธรรมด้านนี้ขึ้น โดยชนกลุ่มนี้อาจมีสภาพวัฒนธรรมที่ล้าหลังอยู่ก่อน เพราะ “บก” หมายถึง “ล้าหลัง” ได้ด้วยลิเกบก จึงหมายถึงของคนที่ด้อยทางวัฒนธรรม ชื่อนี้ใช้เรียกแถบจังหวัดสงขลา
มะโย่ง
เป็นศิลปะการแสดงละครอย่างหนึ่งของชาวไทยมุสลิม
กล่าวกันว่า มะโย่งเริ่มแสดงในราชสำนักเมืองปัตตานี เมื่อประมาณ
๔๐๐ ปีมาแล้ว จากนั้นได้แพร่หลายไปทางรัฐกลันตัน
วิธีการแสดง
การแสดงมะโย่งเริ่มต้นด้วยการไหว้ครู
โดยหัวหน้าคณะมะโย่งทำพิธีไหว้ครู คือไหว้บรรพบุรุษผู้ฝึกสอนวิธีการแสดงมะโย่ง เครื่องบูชาครูก็มีกำนัลด้วยเงิน ๑๒ บาท
เทียน ๖ แท่ง
การไหว้ครูนั้นถ้าเล่นธรรมดา อาจไม่ต้องมีการไหว้ครูก็ได้ แต่ถ้าเล่นในงานพิธี
หรือเล่นในงานทำบุญต่ออายุผู้ป่วยก็ต้องมีพิธีไหว้ครู จะตัดออกไม่ได้
โอกาสที่แสดง
ตามปกติมะโย่งแสดงได้ทุกฤดูกาล
ยกเว้นในเดือนที่ถือศีลอด (ปอซอ) ของชาวไทยมุสลิม การแสดงมักแสดงในงานรื่นเริงต่างๆ เช่น งานฮารีรายอ
รองเง็ง การเต้นรองเง็งสมัยโบราณ เป็นที่นิยมกันในบ้านขุนนาง
หรือเจ้าเมืองในสี่จังหวัดชายแดน ต่อมาได้แพร่หลายสู่ชาวบ้านโดยอาศัยการแสดงมะโย่งเป็นเรื่องและมีการพักครั้งละ
๑๐ – ๑๕ นาที
ระหว่างที่พักนั้นสลับฉากด้วยรองเง็ง
เมื่อดนตรีขึ้นเพลงรองเง็ง
ฝ่ายหญิงที่แสดงมะโย่งจะลุกขึ้นเต้นจับคู่กันเอง เพื่อให้เกิดความสนุกสนานยิ่งขึ้น มีการเชิญผู้ชมเข้าร่วมวงด้วย
ภายหลังมีการจัดตั้งคณะรองเง็งแยกต่างหากจากมะโย่ง ผู้ที่ริเริ่มฝึกรองเง็ง คือ ขุนจารุวิเศษศึกษากร
ถือว่าเป็นบรมครูทางรองเง็ง
เดิมการเต้นรองเง็งจะมีลีลาตามบทเพลงไม่น้อยกว่า ๑๐ เพลง แต่ปัจจุบันนี้ที่นิยมเต้นมีเพียง ๗
เพลงเท่านั้น
วิธีการแสดง การเต้นรองเง็ง ส่วนใหญ่มีชายหญิงฝ่ายละ ๕
คน โดยเข้าแถวแยกเป็นชายแถวหนึ่งหญิงแถวหนึ่งยืนห่างกันพอสมควร
ความสวยงามของการเต้นรองเง็งอยู่ที่ลีลาการเคลื่อนไหวของเท้า มือ ลำตัว
และลีลาการร่ายรำ
ตลอดจนการแต่งกายของคู่ชายหญิง
และความไพเราะของดนตรีประกอบกัน
การแต่งกาย
ผู้ชายแต่งกายแบบพื้นเมือง
สวมหมวกไม่มีปีก
หรือใช้หมวกแขกสีดำ
นุ่งกางเกงขายาวกว้างคล้ายกางเกงจีน
สวมเสื้อคอกลมแขนยาวผ่าครึ่งอกสีเดียวกับกางเกง
ใช้โสร่งยาวเหนือเข่าสวมทับกางเกงเรียกว่า
ซอแกะ
เครื่องดนตรี และเพลงประกอบ
ดนตรีที่ใช้ประกอบการเต้นรองเง็ง
มีเพียง ๓ อย่าง คือ
๑.
รำมะนา ๒. ฆ้อง ๓.
ไวโอลิน
โอกาสที่แสดง
เดิมรองเง็งแสดงในงานต้อนรับแขกเมืองหรืองานพิธีต่างๆ ต่อมานิยมแสดงในงานรื่นเริง เช่น งานประจำปี งานอารีรายอ ตลอดจนการแสดงโชว์ในโอกาสต่างๆ เช่น
งานแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
Do this hack to drop 2lb of fat in 8 hours
ReplyDeleteAt least 160000 men and women are utilizing a easy and secret "water hack" to drop 2lbs each night in their sleep.
It is very easy and works with anybody.
Just follow these easy step:
1) Get a glass and fill it with water half the way
2) Now use this weight loss hack
so you'll be 2lbs skinnier the very next day!